วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แนวคิดใหม่

แนวคิดใหม่
โสภณ เปียสนิท
.......................................

                พระอาจารย์อารักษ์ เล่าถึงหนังสือ เดินไปสู่ความสุข ว่า หนังสือเล่มนี้คุณยายอธิษฐานไว้ให้ผู้มีบุญ และผู้ที่เคยร่วมบุญกันมาอ่านแล้วมีจิตศรัทธาในพระศาสนากลับมาร่วมกันสร้างบุญอีกครั้ง ผมเองได้ฟังแล้วย้อนคิดกลับไปราวปี 2518 เมื่อครั้งยังเป็นสามเณรหนุ่ม อยู่ที่วัดราษฏร์ประชุมชนาราม (วัดท่ามะขาม) มีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วเกิดปลื้มปีติใจ ชอบใจและอนุโมทนาบุญกับหมู่คณะ และเคยเดินทางพร้อมเพื่อนสามเณรอีกองค์หนึ่งไปที่วัดพระธรรมกายในปีนั้นเอง

                นับแต่นั้นมา เมื่อมีเงินมากบ้างน้อยบ้างเป็นต้องส่งไปร่วมบุญกับทางวัดพระธรรมกายตลอด ด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน มีความผูกพันกับวัด หลวงปู่วัดปากน้ำ คุณยายอาจารย์ หลวงพ่อธัมมชโย หลวงพ่อทัตตะชีโว เสมอ เหมือนว่า วัดเป็นต้นแบบของการนำพาชีวิตตนเองก้าวเดินไปสู่ความสุข

                ชีวิตช่วงนั้นของผมเองลุ่มๆ ดอนๆ บารมีอ่อนเหลือเกิน ทางธรรมปฏิบัติไม่ก้าวหน้า ทำแล้วหยุด หยุดแล้วทำใหม่ เหมือนชาวประมงใช้อวนแหขาดๆปะๆเที่ยวหาปลาไปทั่ว จับปลาไม่ได้ หรือได้บ้างก็น้อยเสียเต็มประดา ผลของสมาธิไม่เกิด เพราะขาดความจริงจัง ทำไม่สุด ขุดไม่ถึง หรือ ไม่ทำตามคำสอนของหลวงปู่วัดปากน้ำ ขุดบ่อล่อธารา ให้อุตส่าห์ขุดร่ำไป ขุดตื้นตื้นน้ำบ่มี ขุดถึงที่น้ำจึงไหล เผลอนิดเดียวผ่านเลยไปสามสิบกว่าปี

                เปิดบันทึกดูคำสอนพระอาจารย์ ท่านสอนว่า ชีวิตเดี่ยว เป็นชีวิตที่เอื้อต่อการหลับตา ก็จริงของท่าน เพราะเป็นการตัดภาระทางสังขารหรือขันธ์ห้า (คือร่างกาย) ให้เหลือน้อยที่สุด ถ้ามีคู่ก็หมายถึงว่าเพิ่มภาระขึ้นอีก ห้าขันธ์ หากมีลูกหนึ่งคนก็เพิ่มอีกห้าขันธ์ สองคนก็สิบขันธ์ เป็นอันว่าภาระเพิ่มขึ้นตามจำนวนคน จำนวนขันธ์ โอกาสในการภาวนาก็ลดลง แต่ปัญหาแรกน่าจะอยู่ที่ว่า เรารู้หรือยังว่า ชีวิตเกิดมาทำไม่?

                เรียนธรรมะต้องถือศีลให้มั่น จึงจะรู้เรื่องดีขึ้นเรื่อยๆ ข้อนี้ก็จริงอีก เพราะศีลคือความเป็น ปกติของคน นี่คือเบื้องต้นที่ทุกคนต้องรู้ เมื่อคนไม่มีศีลจึงเป็นคนไม่ปกติ ตรองแล้วจึงรู้ ไม่ตรองไม่รู้ เห็นคนฆ่าสัตว์ทำลายชีวิตผู้อื่นแล้วเรารู้สึกอย่างไร ไม่สบายใจ เพราะระแวงว่า สักวันเราอาจถูกทำร้ายแบบนั้นบ้าง จะรู้สึกอย่างไรหากคนรอบข้างเราต่างพากันนิยมชมชอบการฆ่ากัน การทำร้ายกัน คิดกังวลหรือยังครับว่า สังคมที่นิยมการฆ่า การทำร้ายนั้น เราจะมีความสุขอยู่ได้อย่างไร ดังนั้นปกติของคนจึงต้อง ไม่ฆ่า ไม่นิยมการฆ่า การทำร้ายกัน ไม่ว่ากรณีใดๆ

                ทุกคนดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยทรัพย์สินของตน ไม่ว่าจะเป็นของจำเป็นต่อการดำรงชีวิต คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค หรือสิ่งของอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น รถยนต์ เงินทอง ของประดับต่าง ๆ ล้วนอำนวยให้ชีวิตดำรงอยู่ จะรู้สึกอย่างไรหากสมบัติเหล่านั้นของเราถูกลักขโมย แย่งชิงวิ่งราว จี้ปล้นเอาไปโดยเราไม่เต็มใจ ดังนั้นปกติของคนจึงต้องไม่แย่งชิงสิ่งของกันและกัน มีแต่ต้องช่วยเหลือแบ่งปัน

                ทุกคนมีคนอันเป็นที่รักในปกครอง หรือที่ครอบครอง เราไม่ยินดีให้ใครถูกรังแกล่วงละเมิดทางเพศ เรามีภรรยาสามีบุตรหลานอันเป็นเหมือนของรัก ไม่ต้องการให้ใครมาแย่งแบ่งปันความรักไป เพราะจะทำให้เราเป็นทุกข์ เป็นกังวลจิตใจเสียสมดุลไร้สุข ดังนั้นปกติของคนจึงต้องไม่ล่วงละเมิดบุคคลอันเป็นที่รักของกันและกัน

                ทุกคนต้องการคนจริงใจ พูดคำไหนคำนั้น ต้องการให้คนที่เรามีปฏิสัมพันธ์ตรงไปตรงมา ต้องการคนที่กล่าวคำสุภาพ ไม่หยาบคาย ไพเราะ ไม่ต้องการคำพูดส่อเสียดยุยงให้ใครเกลียดเราทำร้ายเรา พูดถึงเราในแง่เสียหายร้ายแรง เราไม่ต้องการให้ใครพูดกับเราเรื่อยเปื่อยเลื่อนลอยไร้สาระไม่อยู่กับร่องรอยที่ควรเป็น เราต้องการเป็นคนที่มีความจำที่ดี ไม่หลง ไม่ลืม ไม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer) ดังนั้นปกติของคนคือ ไม่ขี้หลงขี้ลืม พูดตรงตามความเป็นจริง สุภาพ ไม่ยุยงให้ใครเกลียดกัน พูดตามความจำเป็น

                ทุกคนต้องการมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ไม่ต้องการทำสิ่งผิดพลาดต่าง ๆ เช่น การเป็นคนไร้ความอาย เป็นคนโหดร้าย ล่วงละเมิดคนรักของผู้อื่น พูดคำไม่ตรง คำหยาบ ยุแยง ไร้สาระ ไม่ต้องการเป็นโรคปวดศีรษะ โรคปัญญาอ่อน แม้ชั่วขณะใดขณะหนึ่ง ดังนั้นปกติของคนจึงต้องมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์เสมอ ไม่ว่าเวลาใด การไม่ดื่มของมึนเมา จึงช่วยให้คนเป็นปกติ

                แนวคิดความเป็นปกติของคนดังที่เขียนมาทำให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทุกคนจึงมีหน้าที่ร่วมกัน ช่วยส่งเสริมความเป็นปกติของคนด้วยการรักษาศีล 5 ข้อ ไม่ทำผิดด้วยตนเอง ไม่ส่งเสริมคนผิดศีล ไม่ยินดีการทำผิดศีลไว้เสมอ
                แนวคิดรวบยอดของคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนาจึงรวมอยู่ที่การ ทำทาน เพื่อลดละความตระหนี่เห็นแก่ตัว รักษาศีล เพื่อรักษาความเป็นปกติของคน เจริญภาวนา เพื่อเจริญสติ ทำสามประการนี้มากเข้า ความเป็นปกติของคนมากเข้า ความสุขมากเข้า จนถึงที่สุดคือ หมดทุกข์โดยสิ้นเชิง

                ธรรมะยังคงหลั่งไหลตามถ้อยคำของพระอาจารย์อย่างต่อเนื่อง คนสมัยนี้หยุดคิดไม่เป็น น่าคิดนะครับ ใจมีสภาพ คิด เป็นปกติ คนทั่วไปปล่อยความคิดวิ่งวุ่น กลางคืนเป็นควัน กลางวันเป็นไฟ จนเคยตัว เหมือนปล่อยเด็กให้ออกจากบ้านทำสิ่งผิดจนเคยตัว นานเข้ากลายเป็นนิสัยยากต่อการฝึกหัดใหม่ เพราะเด็กติดนิสัยเสียนั่นจนยากไถ่ถอน คงต้องใช้เวลาฝึกการหยุดคิดกันใหม่

                บางครั้งที่ใจลอยมองไม่เห็นภาพ ใจของคนมีหน้าที่สำคัญสี่อย่าง คือ เห็น จำ คิด รู้ แต่ต้องระมัดระวัง เพราะใจมีความว่องไวมาก ทำได้ครั้งละเรื่อง แต่เพราะความไวจึงดูเหมือนว่า ทำได้ครั้งละหลายเรื่อง แต่ถ้าปล่อยให้ทำหลายเรื่องจนเกิดความเคยชิน อาจทำให้เผลอแม้ภาพที่อยู่ตรงหน้าจะชัดเจน แต่เพราะใจลอยคิดเรื่องอื่นๆ ทำให้มองไม่เห็นภาพ

                ใจเข้าศูนย์แล้วไม่คิด ข้อนี้จึงเป็นความสำคัญของการฝึกสมาธิ เพื่อให้ใจ หยุดคิด ข้างนอกต้องเคลื่อนไหวจึงได้งาน ส่วนข้างในต้องหยุดนิ่งจึงเกิดพลัง ใจใสมีฤทธิมีเดชมีอำนาจ ใจเศร้าหมองจึงตรงข้าม อ่อนแอพ่ายแพ้ แต่การฝึกการหยุดคิดนั้นมีหลักการง่ายๆ คือ ต้องง่ายๆ สบายๆ หลับตาเบาๆ นึกถึงดวงแก้วกลมใส ชัด สว่าง กลางท้อง ภาวนา สัมมา อรหัง ไปเรื่อยๆ แค่นั้นเอง สังเกตดูใจของตนไปเรื่อย รอ ห้ามเร่ง นึกภาพดวงแก้วนั้น นึกเท่าที่จำได้ ไม่ต้องปรับไม่ต้องจูนให้ชัด จะเบลอ จะมัวขนาดไหนก็มองไปแค่นั้น

                จากการฟังธรรมพระอาจารย์ยาวนานกว่า 3 ชั่วโมง ได้ข้อคิดมากมายหลายด้าน พบว่า ประทับใจเรื่องของคุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ท่านพัฒนาชีวิตจากคนธรรมดาสามัญจากชนบท ขาดการศึกษาทางโลก แต่อาศัยศึกษาหลักวิชาธรรมกาย ของหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน จนเชี่ยวชาญ และวิชาธรรมกายนี่เอง เปลี่ยนชีวิตคุณยายกลายเป็นบุคคลอัศจรรย์ของโลกได้คนหนึ่ง

                คุณลักษณะพิเศษของคุณยายที่ทำให้เหล่าศิษยานุศิษย์รักเคารพและน้อมนำเอาไปปฏิบัติตาม เพื่อความก้าวหน้าของชีวิต ดังที่คุณยายได้ทำให้ดูตลอดชีวิตของท่าน หลายประการ คุณยายมีจิตใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว สิ่งใดที่เห็นว่าดีแล้วต้องทำจนสำเร็จ เช่นเรื่องคุณยายตามหาพ่อเพื่อขอขมา คุณยายรักบุญอย่างยิ่ง มั่นคงในการทำบุญทุกอย่าง ตั้งแต่บุญเล็กน้อยไปจนถึงบุญใหญ่ คุณยายรักความสะอาดและระเบียบ เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวไปจนถึงสิ่งแวดล้อม คุณยายมีความกตัญญูอย่างสูงสุด คุณยายมีความเพียรยิ่งชีวิต ไม่มีคำว่าท้อ และไม่เคยน้อยใจต่อโชคชะตา มีแต่การฝึกตัวอย่างต่อเนื่อง คติประจำใจคุณยายคือ เป้าหมายเป็นหลัก อุปสรรคไม่มี

                ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้เองที่นำพาชีวิตของคนธรรมดาคนหนึ่งก้าวสู่ความเป็นบุคคลอัศจรรย์ของโลกได้อย่างน่ายกย่อง ผมนั่งฟังพระอาจารย์ไปนึกสำรวจตัวเองไปด้วยว่า มีคุณธรรมข้อใดที่เรามีอยู่บ้าง พบว่ามีอยู่เกือบทุกข้อ แต่ว่าช่างน่าสงสารตัวเองนัก มีอยู่ข้อละนิดข้อละหน่อยเท่านั้นเอง
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น