งานบุญใหญ่ บูชาคุณพุทธบุตรชายแดนใต้
โสภณ เปียสนิท
........................................
ทราบข่าวจากกลุ่มกัลยาณมิตรผู้แสวงบุญว่า เช้าวันที่ 23 มิถุนายน 2550 เวลา 06.00-8.00 น. จะมีงานบุญใหญ่ตักบาตรเพื่อบูชาคุณพุทธบุตรชายแดนใต้ 4 จังหวัด (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา) และน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา
แล้วรู้ซาบซึ้งใจว่ายังมีกลุ่มสาธุชนที่เห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนา ของพุทธบุตร ของพุทธศาสนิกชนที่อยู่ในชายแดนใต้
หลายปีที่ผ่าน มีข่าวคราวเกี่ยวกับการลอบทำร้ายชาวไทยด้วยกัน ด้วยระเบิดบ้าง ด้วยอาวุธอื่นๆ บ้าง ล้วนแต่สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อคนไทยด้วยกันเอง โดยมีเหตุผลอันไม่ค่อยจะแจ้งชัดนักว่า ต้องการแบ่งแยกดินแดนให้เป็นประเทศเอกราช โดยอ้างถึงประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ที่เคยปกครองตนเอง ซึ่งหากจะอ้างเช่นนั้นได้จริง ทั่วโลกนี้อาจจะยุ่ง เพราะอดีตนั้นต่างคนต่างมี ต่างช่วงต่างเวลา ปกครองกันและกัน
มีตัวอย่างจากประเทศเล็กๆ รอบโลกมากมายที่ดิ้นรนขวนขวายแบ่งแยกดินแดนเพื่อความเป็นประเทศเอกราช ทางหนึ่งเป็นด้านบวก เพราะจะมีอิสรเสรีภาพ แต่อีกทางหนึ่ง เป็นด้านลบ เป็นด้านมืดที่ไม่อาจปกปิดความจริงได้ นั่นคือ เสียอำนาจการต่อรองกับประเทศใหญ่ ทำให้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของประเทศใหม่เล็กๆ เหล่านั้นตกอยู่ในมือของประเทศใหญ่ เหตุนี้เองที่การแบ่งแยกดินแดนได้รับการสนับสนุนจากประเทศที่หวังผลประโยชน์ทุกวิถีทาง บังเอิญว่าภาคใต้ของไทยมีข่าวว่า มีการค้นพบทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมหาศาล
ระหว่างการต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงนั้น มีการยุยงเรื่องความรักชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา (อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทุกอย่างรวมกัน) จากผู้ที่คิดว่าเป็นมิตร (แต่หวังผลประโยชน์อันมหาศาล) มีการสนับสนุนอยู่ข้างหลังทุกด้าน ซึ่งไม่อาจประมาณการได้ว่ามีจำนวนเท่าใด ไม่รู้ว่า เพื่อนคนไทยของเราที่อยู่ในภาคใต้ที่ร่วมขบวนการจะรู้หรือไม่ว่า ผู้สนับสนุนการทำร้ายกันระหว่างคนไทยด้วยกันนั้นเขาจะไม่หวังสิ่งใดเลยหรือ?
มีหลักวิชาอยู่ว่า “การทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เพื่อหวังว่าจะได้ความสงบสุข เอกภาพอันถาวรนั้น เป็นความคิดที่ผิดมีแต่การทำร้ายผู้บริสุทธิ์จะได้รับผลอันรุนแรงตามวิบากกรรมที่ตนเองได้กระทำลงไป” แล้วเหตุใด ผู้ทำร้ายฆ่าฟันผู้บริสุทธิ์ ทุกชั้นวรรณะไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่ผู้ชายผู้หญิงทุกศาสนาสมณะชีพราหมณ์ จะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่ต้องรับผลของวิบากกรรมที่ตนเองได้ก่อขึ้น
ข่าวการทำร้ายร่างกายหมายชีวิตทั้งทรัพย์สินในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีอย่างต่อเนื่อง วันหนึ่งแม่ของผู้เขียนอายุ 74 ปี หูตาเริ่มเสื่อมไปตามสภาพ เห็นภาพข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์มีพระภิกษุสงฆ์ถูกระเบิดระหว่างการบิณฑบาตนั่งอยู่กลางถนน หลายรูป บริขารเกลื่อนถนน คุณแม่มองภาพไม่ค่อยชัดแล้วกล่าวว่า “เอ...พระนั่งฉันอยู่ริมถนนเลยหรือ?” ภาพพระถูกทำร้ายยังอยู่ในความทรงจำของผมชนิดไม่รู้ลืม
ดูข่าวจากช่องดีเอ็มซี (DMC/dmc.tv) ช่องนี้ช่องเดียว มีพุทธบุตรจากภาคใต้รูปหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า ถูกระเบิดในระยะใกล้จนประสาทหูดับไม่ค่อยได้ยินเสียง แต่ท่านยังใจสู้ขออยู่ต่อ ท่านให้เหตุผลที่ต้องอยู่ต่อว่า “หากอาตมาย้ายหนีไปที่อื่น ชาวบ้านที่อยู่บริเวณรอบวัดทั้งไกลและใกล้จะอยู่กันแบบไร้ที่พึ่ง ขาดขวัญและกำลังใจอย่างยิ่ง อีกหน่อยทั้งบ้านและวัดจักกลายเป็นวัดร้าง”
จากคำของพระคุณเจ้าเห็นได้ว่า ท่านยอมเสียสละความสุขส่วนตัว และยอมสละชีวิตเพื่ออยู่เป็นขวัญและกำลังใจแก่ชาวบ้านโดยรวม ถือว่าท่านสมเป็นพุทธบุตรแท้ เสียสละชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา ผมไม่ทราบว่าในประเทศไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาเช่นทุกวันนี้ จะมีชาวพุทธจำนวนเท่าใดที่ยอมสละแม้ชีวิตรักษาพระศาสนาโดยสันติวิธีเช่นนี้จำนวนเท่าใด
มีคำกล่าวว่า “สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ” วันนี้สามจังหวัด (รวมจังหวัดสงขลาอีกเล็กน้อย) ชายแดนภาคใต้อยู่ในภาวะวิกฤต มีการทำลายทำร้ายเพื่อนร่วมหมู่บ้าน เพื่อนร่วมจังหวัด เพื่อนร่วมชาติ ซึ่งสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอยู่ทุกวันตลอดเวลายาวนาน ชาวบ้านชาววัดจำนวนไม่น้อยหลบนี้ออกนอกพื้นที่ โชคดีที่ยังมีชาวบ้านและพุทธบุตรผู้อุทิศชีวิตต่อสู้ภัยร้ายด้วยสันติและขันติธรรมอันยอดเยี่ยม จำนวน 266 วัด ทั้งพระและโยม เหล่านั้นจึงเปรียบเสมือนวีรบุรุษของชาวพุทธ
ทั้งบ้านและวัดอยู่ท่ามกลางความเดือดร้อนต่างๆ ด้วยเวลาที่ยาวนานจนเคยชิน ขวัญและกำลังใจแม้จะยังเข้มข้น แต่ยังมีบางเวลาที่อดคิดไม่ได้ว่า ยังมีเพื่อนชาวพุทธ และศาสนิกชนในศาสนาอื่นที่ต่างก็สอนเรื่องความสันติและเมตตา มองเห็นความลำบากของเพื่อนพ้องในสถานการณ์อันวิกฤตบ้างหรือไม่?
มีกัลยาณมิตรกลุ่มหนึ่งรวมกับเทศบาลเมืองหัวหินมีดำริอันเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่มุ่งหมายจัดงานบุญใหญ่ โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสที่ทรงมีพระชนม์มายุครบ 80 พรรษา ในปีพุทธศักราช 2550 ด้วยการทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ สามเณร จำนวน 80 รูป
เพื่อบูชาคุณพุทธบุตรสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ไม่สงบ พร้อมทั้งช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังได้รับความเดือดร้อนในสถานการณ์เดียวกัน
เพื่อปลูกฝังการให้ทาน ซึ่งเป็นการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน อีกทั้งเพื่อดำรงไว้ซึ่งประเพณีที่ดีงาม และสืบอายุพระพุทธศาสนาในเจริญรุ่งเรืองสืบไป
การทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระภิกษุสงฆ์จำนวน 80 รูปในครั้งนี้เพียงประการเดียว ยังถือว่าเป็นบุญใหญ่แล้ว ท่านสาธุชนผู้มีโอกาสร่วมทำบุญในครั้งนี้ยังได้บุญเพิ่มขึ้น จากการแสดงกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อองค์พระประมุขที่ทรงครองแผ่นดินโดยธรรมเนิ่นนานเกินกว่า 60 พรรษา และสายศรัทธาของสาธุชนยังหลั่งไหลต่อไปบำรุงเลี้ยงทั้งกายและใจของพระภิกษุและชาวบ้านในภาคใต้อีกด้วย
หลักการที่ทุกคน “ต้องรู้” นั่นคือ “ชีวิตดำรงอยู่ได้ด้วยบุญ” และเป้าหมายแห่งการเกิดเป็นคนคือ “การสร้างบุญบารมี” ทางมาแห่งบุญตามคำสั่งสอนมี 3 ทาง ข้อ1 คือการทำทานหรือการให้ทาน ให้สิ่งของที่เรียกว่าอามิสทาน และการให้อภัยผู้อื่น พระสอนว่า การทำทานทำให้มีทรัพย์เกิดชาติใดไม่อดอยากยากจน
ข้อ2 คือการรักษาศีล อย่างน้อย 5 ข้อ ไว้เป็นพื้นฐานของชีวิต งดเว้นจากการทำร้าย ทำลายชีวิตคนและสัตว์ทุกชนิด งดเว้นจากการลักทรัพย์สินของผู้อื่น งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม งดเว้นในการพูดเท็จ (รวมถึงคำหยาบ คำเพ้อเจ้อ คำส่อเสียด) และงดเว้นจากการเสพของมึนเมาทุกชนิด โดยรวมแล้วรักษาศีลเพื่อให้ตัวเราเองเกิดมามีร่างกายแข็งแรง สวยงาม
ข้อ3 คือการภาวนา หมายถึงการสวดมนต์ ฟังธรรม (อ่านหนังสือธรรม) และการเจริญภาวนา ทั้งสมถและวิปัสสนา เพื่อให้ตัวเราเองเกิดมาทุกภพทุกชาติมีสติปัญญาดี ห่างไกลจากโรคปวดศีรษะ โรคหลงๆ ลืมๆ มีความจำดีเยี่ยม เรียนหนังสือเก่ง ความคิดถูกต้อง เป็นสัมมาทิฐิ
การเกิดเป็นคนทั้งที เราทุกคนย่อมปรารถนาให้ตนเองเป็นคนที่มีฐานะพอมีพอกินขึ้นไปจนถึงร่ำรวยมหาศาล ไม่มีใครอยากเป็นคนจน เพราะการเกิดเป็นคนจนนั้นลำบากมาก เราทุกคนต้องการมีร่างการแข็งแรงสวยงามหล่อเหลา เราทุกคนต้องการมีความจำดีมีสติปัญญาดี ดังนั้นท่านต้องสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง
วันที่ 23 มิถุนายน 2550 เวลา 06.00-08.00 น. ณ โรงเรียนเทศบาลบ้านหัวหิน จึงขอเรียนเชิญนักสร้างบารมีชาวหัวหินทุกองค์กร ทุกชุมชนเตรียมตัวให้พร้อมด้วยการทำใจใสๆ มาร่วมกันสร้างบารมีครั้งยิ่งใหญ่นี้โดยพร้อมเพรียงกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น